วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553

สูดไอสวรรค์บนดิน ที่ภูหินร่องกล้า


ในเช้าวันที่อากาศสดใสกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา ฉันตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางจากตัวเมืองพิษณุโลกมุ่งไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 12 (พิษณุโลก-วังทอง) เพื่อไปสู่จุดหมายปลายทาง “อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า” ซึ่งกินอาณาเขตหลายจังหวัด เมื่อรถไต่ระดับขึ้นไปตามทางสู่ยอดเขาลูกแล้วลูกเล่าด้วยเส้นทางคดเคี้ยวฉวัดเฉวียนน่าหวาดเสียว ที่เป็นทั้งเชิงผาสลับกับเชิงเขา ฉันสังเกตได้ว่าพันธุ์ไม้เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ยิ่งสูงขึ้นเหล่าบรรดาแมกไม้ยิ่งดูแปลกตามากขึ้นตามระดับของภูเขา จนกระทั่งใกล้เขตอุทยานฉันจึงเห็นต้นสนใหญ่ยักษ์ และเฟิร์นใบใหญ่หนา เป็นร้อยๆ พันๆ ขึ้นเต็มไปหมดหลังออกเดินทางจากตัวจังหวัดได้ประมาณ ๒ ชั่วโมง ฉันและเพื่อนก็มาถึงเขตอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า แม้ในตัวเมืองจะอากาศค่อนข้างร้อน แต่เมื่อมาถึงเขตอุทยานแล้วอากาศเย็นมากจนเกือบหนาว แลเห็นปุยเมฆอยู่ใกล้ๆ จนคิดว่าเกือบจะสัมผัสได้ จุดมุ่งหมายของเราคือสุดเขตอุทยานฯ ด้านจังหวัดเพชรบูรณ์ เราจึงเดินทางต่อโดยไม่หยุดพักระหว่างทางเลย แม้ระยะทางจากเขตอุทยานด้านจังหวัดพิษณุโลกถึงด้านจังหวัดเพชรบูรณ์จะสั้นกว่าระยะทางจากตัวเมืองถึงเขตอุทยานฯ มากนัก แต่กลับใช้เวลานานกว่ามาก เพราะเส้นทางที่คดเคี้ยวจำเป็นต้องใช้ความชำนาญและความระมัดระวังอย่างยิ่งยวด แม้ไม่ได้หยุดพักชื่นชมธรรมชาติ แต่ฉันก็ชื่นใจที่เห็นต้นไม้นานาพันธุ์ขึ้นรกครึ้มอย่างอุดมสมบูรณ์ ในที่สุดฉันและเพื่อนก็มาถึงสุดเขตอุทยานฯ ด้านจังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อลงมาจากรถและสัมผัสกับอากาศเย็นบริสุทธิ์แล้ว ฉันก็ต้องตะลึงกับความสวยงามของทิวทัศน์ที่ได้เห็นอยู่ตรงหน้า ถนนเลียบเชิงเขาหลายเส้นทางดูเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม สวนผักที่ปลูกไว้เป็นขั้นบันไดตามไหล่เขาเขียวขจีสดชื่นตัดกับสีเหลืองจัดของดอกทานตะวันที่ขึ้นอยู่เต็มทุ่งกว้างสุดลูกหูลูกตาอีกด้าน ประกอบกับหมอกที่ลงจัดและเมฆที่ลอยต่ำจนแทบจะสัมผัสได้ ทั้งหมดนั้นฉันแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าจะอยู่บนโลกยุ่งๆ ใบนี้ ก็แล้วใครจะเชื่อได้ล่ะว่าที่แห่งนี้อยู่บนโลกของเราจริงๆ ในเมื่อตอนเช้าตรู่ฉันยังตื่นขึ้นมาเจอแต่รถติด บ้านเรือนและตึกสูงในตัวจังหวัด แต่ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นฉันก็ได้พบเห็นทั้งต้นสนต้นใหญ่อายุนับร้อยปีเป็นพันๆ ต้น และเฟิร์นใบยักษ์ที่เคยเห็นในภาพยนตร์เกี่ยวกับไดโนเสาร์นับหมื่นๆ กอ อีกทั้งอากาศบริสุทธิ์ที่ฉันสามารถสูดเข้าจมูกผ่านไปตามหลอดลมบรรจุเก็บไว้ในปอดได้อย่างเต็มที่ไม่ต้องกลัวมลพิษใดๆเจือปน ที่เหลือเชื่อกว่านั้นคือฉันได้สัมผัสกลุ่มไอน้ำสีขาว ที่ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นหมอกหรือเมฆกันแน่ คงไม่มีใครคัดค้านฉันแน่ ถ้าฉันจะบอกว่าที่แห่งนี้คือสวรรค์ และฉันก็มีโอกาสได้ขึ้นมาสูดไอสวรรค์ ณ ที่ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสวรรค์บนดินแห่งนี้แล้ว
BY...SONIA1988

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น